ในช่วงที่เทคโนโลยีหรือ start up กำลังมาแรง หนึ่งในกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีเหล่านี้ คือ กลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ และผู้ที่มีไอเดียที่พร้อมจะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับผู้ที่มีไอเดียบางคนไม่มีความรู้ด้านซอฟต์แวร์จึงต้องอาศัยผู้พัฒนาซอฟต์แวร์มาช่วยในการพัฒนา ดังนั้นการที่จะเดินเข้าไปคุยเรื่องการสร้างซอฟต์แวร์ผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านซอฟต์แวร์เลยก็อาจจะคุยกันลำบาก ดังนั้น บทความนี้ผมอยากจะแชร์ข้อมูลเบื้องต้นในการแนะนำในการเริ่มต้นเตรียมความพร้อมที่จะทำ mobile application
- เตรียมข้อมูลความต้องการแอปที่จะทำโดยเขียนเป็นข้อๆ หรือหากมีภาพของแอปแต่ล่ะหน้า (design app) ก็จะยิ่งดี โดยส่วนใหญ่จะเป็นการจ้างฝ่ายดีไซน์โดยตรงเพราะจะได้รูปภาพต่างๆที่ใช้ทำแอปด้วย ค่าใช้จ่ายในการจ้างดีไซน์ก็ประมาณหลักพันถึงหมื่นครับ ซึ่งการทำดีไซน์จะทำให้การจ้างงานมีปัญหาน้อยลง หากไม่มีดีไซน์ทางผู้พัฒนาทำมาอาจจะไม่ตรงกับความต้องการ ทำให้เกิดการแก้งานไปมา ซึ่งไม่ดีกับทั้งสองฝ่ายแน่ๆครับ หรือหากยังไม่ทำดีไซน์มีแต่ข้อมูลก็สามารถเอาข้อมูลนั้นไปคุยให้ทางผู้พัฒนาเป็นผู้จัดทำดีไซน์ให้พร้อมด้วยเลยก็ได้ครับ ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ครับ
2. หลังจากมีข้อมูลของแอปแล้ว ขั้นต่อไปเราก็หาผู้ที่จะมาพัฒนาแอปให้เราครับ ผู้พัฒนาจะมีสองแบบครับ แบบบริษัทกับฟรีแลนซ์ครับ ซึ่ง 2 แบบนี้แตกต่างกันยังไง เรามาดูกันครับ
ในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นหนึ่งแอปหรือเราจะเรียกว่าหนึ่งระบบ จะประกอบด้วยหลายฝ่ายด้วยกันโดยทั่วไปจะมีดังนี้
- Project Manager จะมีหน้าที่ดูแล แบ่งงาน ควบคุมให้งานสามารถดำเนินไปจนเสร็จเรียบร้อยทันกำหนดเวลา
- Graphic Designer มีหน้าที่สร้างรูปภาพกราฟฟิค ออกแบบ UI ต่างๆ
- Web Developer มีหน้าที่สร้างเว็บหรือระบบหลังบ้าน api ที่ใช้เชื่อมต่อกับแอป
- Android Developer สร้างแอป android
- IOS Developer สร้างแอป ios
โดยทั่วไประบบงานบริษัทก็จะมีประมาณนี้ครับ จะเห็นได้ว่าที่ราคาสูงเพราะเอาค่าใช้จ่ายมาบริหารบุคคลส่วนนี้ เพราะต้องจ้างหลายฝ่ายในการทำงาน
ส่วนฟรีแลนซ์ก็จะมีที่รับงานเองคนเดียวได้ทั้งหมด อันนี้แน่นอนว่าราคาถูกแบบสุดๆแน่นอนครับ แต่ระยะเวลาก็อาจจะช้า เพราะทำคนเดียวเองทั้งหมด กับฟรีแลนซ์ที่รับเป็นบางส่วนและหาทีมงานมาช่วยกันทำ ซึ่งก็จะราคาแบบกลางๆครับ
3. ในส่วนของเรื่องราคาในการทำ mobile application ส่วนนี้จะไม่แน่นอน บอกราคาตายตัวไม่ได้ครับ เพราะขึ้นกับหลายอย่าง เช่น
- แอปมีระบบหลังบ้านหรือเว็บดูแลระบบหรือไม่ รวมถึงทำ api ที่ใช้เชื่อมต่อกับแอปด้วย
- แอปมีการจัดทำดีไซน์ไว้ให้หรือยัง(รวมถึงรูปภาพกราฟฟิคต่างๆที่ใช้ในการทำแอปทั้งหมด) โปรแกรมที่ใช้ทำ เช่น sketch,figma,xd,อื่นๆ
- แอปต้องอัพโหลดขึ้นสโตร์หรือไม่ มีบัญชีของสโตร์เตรียมไว้ให้หรือป่าว(ค่าเปิดบัญชี android ประมาณ 1,000 บาท จ่ายครั้งเดียว / ios ประมาณ 3,500 บาทต่อปี)
- มีโฮสหรือโดเมนเนมให้หรือไม่ หรือต้องการเช่าเดือนล่ะเท่าไหร่
- ค่าทำแอป android/ios ถ้าเป็น native จะแยกคิดเป็นระบบล่ะ แต่ถ้า cross platform ก็อาจจะคิดรวมราคาเดียวครับ
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ต้องนำมาคิดด้วยครับ ซึ่งรวมๆแล้ว ถ้าเป็นโปรเจคใหญ่ราคาหลักแสนถึงหลักล้านก็มีครับ ส่วนโปรเจ็คเล็กหลักหมื่นถึงแสนครับ อยู่ที่สโคปงานครับ ที่เหลือก็คือตามหาช้างเผือกครับ ขอให้โชคดีครับผม.
5